บั้งไฟระเบิดที่หนองบัวลำภู ดับ 1 เจ็บอื้อ คาดติดไฟตอนล้างรูบั้งไฟ

บั้งไฟระเบิดที่หนองบัวลำภู ดับ 1 เจ็บอื้อ คาดติดไฟตอนล้างรูบั้งไฟ

วานนนี้ (2 มิ.ย.) มีรายงานว่ามีการเกิดอุบัติเหตุเหตุบั้งไฟระเบิดขณะเตรียมนำบั้งไฟขึ้นฐานยิง ในงานประเพณีบุญบั้งไฟประจำปี ของชาวบ้านในพื้นที่ต.หนองเรือ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู เจ้าหน้าที่สภ.โนนสัง  พร้อมชุดแพทย์และหน่วยกู้ภัยจึงเร่งเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตหนึ่งราย ทราบชื่อคือนายหนูฤทธิ์ ชัยสิงห์  ชาวอำเภอเมืองหนองบัวลำภู 

ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตจากสเะเก็ดและแรงทะแทกจากการระเบิด ที่เกิดเหตุยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 5 ราย และบาดเจ็บทั่วไปอีก 8 ราย ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ บรรดาเชียนบั้งไฟ กำลังทำการตรวจสอบความเรียบร้อยของบั้งไฟ ล้างรูบั้งไฟ หลังจากนั้น  ใช้เหล็กแทงเจาะเข้าไปในรูบั้งไฟ จู่ๆก็ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น สิ้นเสียงระเบิด พบผู้เสียชีวิตและเสียงผู้ได้รับบาดเจ็บร้องร้องครวญคราง.

เจ้าหน้าที่คาดว่า สาเหตุน่าจะมาจากการเสียดสีกันภายในรูบั้งไฟที่เต็มไปด้วยดินประสิวจนเกิดเห็นประกายไฟและติดเข้ากับดินประสิวด้านใน จนเกิดระเบิดขึ้น.

คลิปนาทีชีวิต ไฟโหมไหม้ตลาดจตุจักร เพลิงผาญ 10 คูหา แม่ค้าหนีตายวุ่น ไฟไหม้จตุจักร คลิป – เกิดเหตุระทึก เมื่อเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง วันที่ 2 มิ.ย. เกิดเหตุเพลิงไหม้ตลาดจตุจักร บริเวณประตู1 ถ.กำแพงเพชร เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯสุทธิสาร ใช้เวลาฉีดสกัดเพลิงกว่า 1 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ

อบอุ่นใจ หนุ่มเดนมาร์กข้ามทวีปตามหาแฝดพี่ที่อมก๋อย หลังพลัดพรากนาน 45 ปี เมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.) ได้เกิดเรื่องราวน่าประทับใจราวกับในนิยายขึ้นเมื่อผู้ใช้เฟสบุ๊กนาม Pichamon Phatsonpathumlak ได้เผยแพร่ภาพชายชาวเดนมาร์ก เชื้อชาติไทยนาม บ๊อบ ที่ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมายังอ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่เพื่อตามครอบครัวที่แท้จริงและได้พบกับ บุณชู แฝดผุ้พี่ที่พลัดพรากจากกันมา 45 ปี

โดยผู้โพสต์ระบุว่าบ๊อบ ได้รับการอุปการะไปเป็นบุตรบุญธรรมที่เดนมาร์กตั้งแต่อายุได้ 10 เดือน โดยแม่ของเขาเสียชีวิตไปแล้วเมื่อตอนคลอดแฝดทั้งสอง และพ่อของเขาก็เสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน เหลือเพียงแฝดผู้พี่ที่อาศัยอยู่ที่เชียงใหม่ บรรยากาศการกลับมาพบกันครั้งแรก เป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยมีล่ามช่วยแปลภาษาให้แฝดทั้งสองได้พูดคุยกัน และทั้งสองได้ร่วมผูกข้อมือเป็นสิริมงคลตามประเพณีของชนเผ่าปกาเกอะญอ จากนั้นคณะของบ๊อบก็เดินทางกลับด้วยความอาลัย โดยมีแฝดผู้พี่ตามมาส่งถึงรถ

ไฟไหม้ชุมชนริมคลองแจ้งวัฒนะ บ้านวอด 5-6 หลัง เมื่อเวลาประมาณบ่ายโมงที่ผ่านมา (2 มิ.ย.) เกิดเหตุไฟไหม้บริเวณชุมชนริมคลองแจ้งวัฒนะซอย 5 ทำให้บ้านเรือนประมาณ 5-6 หลังพังวอด เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตเจ้าหน้าที่ใช้เวลาอยู่ประมาณ 40 นาทีในการควบคุมเพลิง โดยบ้านที่ได้รับความเสียหายส่วนใหญ่เป็นบ้านสองชั้น ชั้นแรกเป็นอิฐและปูน ส่วนชั้นสองเป็นไม้ ปลูกเรียงรายกันทำให้เพลิงลามไปได้ง่าย หลังควบคุมเพลิงได้ ตำรวจสน.ทุ่งสองห้องได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้

ศพเด็ก 6 ขวบถูกเจาะกะโหลก คาดแก๊งคุณไสยเอาไปทำปั้นเหน่ง ยายร่ำไห้ขอคืน

เมื่อเช้าวันนี้ (2 มิ.ย.) นางอุไรรัตน์ สวรรณหงส์ อายุ 45 ปี ยายของด.ช.ศุกลวัฒน์ อยู่ศรีเจริญ หรือ น้องเก้า อายุ 6 ปี 9 เดือนได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่เมรุวัดส่งเสริมธรรม บ้านใหม่ศรีวิไล จ.อุดรธานี ถึงเรื่องที่มีกลุ่มคนเจาะกะโหลกศพหลานและขโมยไป ซึ่งตนคาดว่านำไปทำปั้นเหน่ง และขอร้องให้นำมาคืนเพราะอยากเผาศพหลานที่มีอวัยวะครบ

นางอุไรรัตน์เล่าว่าเมื่อตอนที่น้องเก้ายังมีชีวิตอยู่นั้น ก็ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เพราะพ่อแม่แยกทางกัน พ่อไปมีภรรยาใหม่ แม่ถูกดำเนินคดีจำหน่ายยาเสพติด ขณะที่ตนไปรับจ้างตัดอ้อยที่พิษณุโลก โดยยายทวดเป็นคนดูแลน้องเก้า และเมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา น้องเก้าจมน้ำเสียชีวิตหลังไปเล่นสระน้ำท้ายหมู่บ้านกับเพื่อน

ตามพิธีทางภาคอีสานหากผู้ตายตายผิดธรรมชาติ ร่างจะถูกนำมาฝังหรือเข้าเบ้าปูน 1-3 ปี จากนั้นค่อยขุดนำขึ้นมาฌาปนกิจ และตนก็ต้องการให้แม่ของหลานพ้นโทษออกมาร่วมพิธีด้วย โดยตนก็เพิ่งทำบุญอุทิศส่วนกุศลครบ 100 วัน ให้น้องเก้าเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

เมื่อ 2 วันก่อน หลวงปู่ถนอม เจ้าอาวาสวัดส่งเสริมธรรมได้ให้ชาวบ้านมาแจ้งว่าเบ้าปูนที่บรรจุศพแตกและให้ตนมาโบกปูนปิด และตนได้นำปูนมาโบกเมื่อวานนี้ (1 มิ.ย.) ซึ่งตนได้ไปส่องดูศพหลาน และพบว่ากะโหลกถูกเจาะออก บริเวณหน้าผาก ญาติพี่น้องเชื่อกันว่าน่าจะเป็นแก๊งทำคุณไสยที่ต้องการนำชิ้นส่วนนี้ไปทำปั้นเหน่ง

นางอุไรรัตน์กล่าวว่าน้องเก้าเป็นเด็กดี และรู้สึกสงสารหลานมาก และยิ่งสงสารเมื่อมาเจอเหตุการณ์นี้ เพราะเชื่อว่าหลานต้องถูกสะกดวิญญาณ จึงฝากถึงคนที่มาลักกะโหลกหลานไป ให้นำมาคืน เพราะเมื่อถึงเวลาเผา หลานจะได้มีร่างกายครบ 32 และฝากให้ตำรวจจับคนร้ายให้ได้

ด้านเจ้าอาวาสวัด เล่าว่า เมื่อประมาณอาทิตย์ที่แล้ว ตนได้เดินตรวจความเรียบร้อยและพบว่าเบ้าปูนแตก ซึ่งขณะนั้นคิดว่าเป็นเพราะความร้อนหรือกิ่งไม้ตกใส่ จึงได้ให้คนไปตามยายเด็กมาโบกปูนปิด ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ขึ้น และนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่จำพรรษาที่นี่มา

ขณะที่ตำรวจอุดรฯ ระบุว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อนในพื้นที่ โดยครั้งนี้คนร้ายได้รื้อค้นเสื้อผ้า กระเป๋านักเรียนของผู้ตาย นำมาทิ้งไว้ภายนอกเบ้าปูน คิดว่าน่าจะเป็นพวกนิยมคุณไสยมนตร์ดำ หรือได้รับออร์เดอร์จากลูกค้ามา เมื่อปี 2557 ก็มีเหตุลักษณะคล้ายกันนี้ในป่าช้าอ.ประจักษ์ศิลปาคม อ.กุมภวาปี และ อ.น้ำโสม ซึ่งคนร้ายเหล่านี้ถูกดำเนินคดีและพ้นโทษหมดแล้ว คาดว่าน่าจะจับตัวได้เร็วๆ นี้